ย้อนความหลังกับงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่ ม.อ.​หาดใหญ่

ย้อนความหลังกับงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่ ม.อ.​หาดใหญ่

ก็เป็นอีกปีที่ความทรงจำเก่าๆ ย้อนขึ้นมาอีกครั้ง กับกิจกรรมสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ม.อ. วิชาการ และงานเกษตร จริงๆ แล้ววันวิทยาศาสตร์ไทย ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคม ตามวันที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงทำนายเหตุการณ์เรื่องสุรยุปราคาขึ้น แต่อาจจะเป็นเพราะช่วงหลังๆ เมื่อมีการจัดงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ช่วงนั้น ตรงกับงานเกษตรด้วย เหตุการณ์อันเกิดเป็นประจำที่จะเกิดขึ้นก็คือ รถจะติดมาก และคนจะแน่น ม.อ. มาก ครั้งนี้ก็เลยเป็นอีกปีที่ออกแบบมาให้ทั้งสองงานจัดเหลื่อมกันนิดน้อย

ผมเองก็ได้อยู่ ม.อ.​มาตั้งแต่ปี 2559 ก็ประมาณ 6 ปีแล้ว ตั้งแต่เป็นนักศึกษาปริญญาตรี ทำงาน แล้วก็นักศึกษาปริญญาโท ตอนนี้ก็ใกล้จะจบ ป.โท แล้ว คาดว่าปีหน้าคงไม่ได้เข้ามามหาลัยในเวลาที่มีกิจกรรมนี้แล้ว เลยออกไปเดินเล่นในงานตามเด็กๆ สักหน่อย และตอนนั้นความทรงจำของผม ต่องานนี้ในครั้งแรกที่ผมได้มาก็เข้ามาในหัวทันที

ครั้งแรกนี้ไม่ได้หมายถึงปี 2559 นะ แต่มันคือปี 2547 (ค.ศ. 2004) ซึ่งตอนนั้นผมอยู่ขั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นครั้งแรกที่ได้มางานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ อยากรู้มั้ยว่า เด็กชายตินวันนั้นได้ทำอะไรบ้าง มาย้อนความทรงจำไปด้วยกันครับ

เด็กน้อยๆ จากโรงเรียนในชนบทเข้าเมือง

Pumpkin Building

ในวันนี้ การเข้าไปที่ Lotus’s , Central หรือ ไปเที่ยวทะเล อาจจะไม่ยากแล้วสำหรับเด็กหาดใหญ่อย่างผม แต่ในตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมเรียนโรงเรียนอนุบาลสุขคณะ อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ด้วยความที่ตอนนั้นความเจริญยังไม่มากเท่าไหร่ ความแตกต่างระหว่างคนที่อยู่ในอำเภอ กับในจังหวัดช่างต่างกัน แล้วยิ่งจังหวัดเล็ก ๆ กับหัวเมืองของภาคใต้ด้วย การมาหาดใหญ่ ถือเป็นสิ่งที่ตื่นเต้นมากสำหรับผมในวัยนั้น เพราะมันคือการเข้าเมือง

เท่าที่จำความได้ ผมออกเดินทางมาตั้งแต่เช้ามืด ด้วยรถบัสทัศนศึกษาของโรงเรียน มาจอดที่หน้าโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โดยมีจุดหมายคือกิจกรรมในวันวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นจุดหมายสำคัญของเด็กๆ ภาคใต้ตอนล่างอย่างเรา ๆ ที่ๆ แรกที่คุณครูพาเราเข้าไปคือ คณะทันตแพทยศาสตร์ ซึ่งมีกิจกรรมอะไรต่างๆ ซึ่งผมก็จำไม่ได้ แต่น่าจะเกี่ยวกับฟัน ซึ่งเราก็อยู่ตรงนั้นสักพัก จากนั้นเราก็ออกมาทางประตูหลัง แล้วเข้าสู่ไฮไลต์อีกจุดของงานนั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาสิรินทร

Sirindhorn Nature Museum

วันนี้เด็กๆ หลายคนต่อแถวเข้าพิพิธภัณฑ์กันเยอะมาก แน่นอนว่าผมคงไม่ได้ไปต่อแถวเพื่อไปแย่งกับน้องๆ ปีนี้แถวยาวไปอีกตึกนึงเลย อาจจะเป็นเพราะว่าข้างนอกร้อน และข้างในเย็นหรือเปล่า ไม่ใช่หรอก แต่เป็นเพราะนี้เป็นนิทรรศการถาวร ซึ่ง Well-designed มาอย่างดี ข้อมูลมันก็ดูดซับง่าย ในพิพิธภัณฑ์นี้ (ซึ่งผมได้เข้ามาอีกตอนที่ผมอยู่ปี 1 มั้ง ผมเลยจำได้) ว่ามีเกี่ยวกับแมลง เกี่ยวการการวิวัฒนาการ ดิน ธรณีวิทยาอื่น ๆ ซึ่งจริงๆ นะ ตอนนั้น มันกลายเป็นภาพจำของผมต่องานสัปดาห์วิทย์ ม.อ. เลย

ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ กับการผ่าร่างกายของอาจารย์ใหญ่

จากนั้น มีอีกกิจกรรมที่เรียกว่าเป็นส่วนที่หลายๆ คน ตั้งใจจะมาดูที่งานนี้เลย คือ ของสาขาวิชากายวิภาคศาสตร์ ที่จะมีการผ่าร่างกายของอาจารย์ใหญ่ขึ้นมา ซึ่งจริงๆ ตอนนั้นอ่ะ ผมไม่อยากไปเลย เพราะนั่นแหละผมกลัว แต่ด้วยความเป็นโรงเรียนเด็กอะนะ เขาก็พาไปยังไงพร้อมกันหมดเลย เราก็เลยต้องขึ้นไป ต่อบันไดทางสีขาวนี้แหละ พอเข้าไปถึง ผมจำได้เหมือนในหนังเลย ด้วยความที่มันมีพัดลมตัวใหญ่ตั้ง เพื่อนผู้หญิงที่แบบถักเปียอยู่ เปียของเขาชี้ขึ้นเลย เหมือนกับในหนังยุคนั้นอ่ะ ที่แบบเวลาตื่นเต้นก็จะแบบผมลุกขึ้นมา

Anatomy

เมื่อเราเข้าไป ก็จะเห็นร่างของอาจารย์ใหญ่ ที่ผ่านการดองมาแล้ว ก็จะยังเห็นโครงร่าง แต่ไม่ค่อยเห็นเนื้อแล้ว ก็จะเห็นกระโหลก เห็นหัวใจ ซึ่งผมจำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นพี่เขาพูดอะไรสักอย่าง น่าจะไม่ใช่ห้ามถ่ายรูปเพราะตอนนั้นคงไม่มีใครมีกล้องถ่ายรูป แต่น่าจะบอกว่า ไม่ต้องกลัว หรือ อย่าทำหน้าแบบกลัว หรือ แบบให้ให้เกียรติอาจารย์ใหญ่นี่แหละครับ แล้วเราก็เข้าไปดู แล้วก็ลงมาตามปกติ รู้มั้ยว่าตอนปี 1 ผมมาเรียนที่อาคารใกล้ ๆ ตึกนี้บ่อยมาก ทุกสัปดาห์ เพราะต้องมาเรียนวิชาของคณะวิทยาศาสตร์ด้วย

กิจกรรมอาจารย์ใหญ่

ไปที่ไหนกันต่อในวันนั้น

หลังจากนั้นเราไปไหนต่อเหรอ กิจกรรมของเด็ก ป.1 อย่างเราในสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ก็จบลงครับ แต่มากิจกรรมของเรายังไม่หมดเพียงแค่นี้ บ้านนอกเข้ามาในจังหวัดใหญ่ทั้งที แต่ตอนนั้นมันก็ไม่ได้แบบ Central ที่เด็กสมัยนี้เขาไปกัน สำหรับเด็กจังหวัดที่ไม่มีทะเลอย่างเรา เป้าหมายก็คือ การไปเที่ยวทะเลที่หาดสมิหลา โดยรถบัสของโรงเรียนก็ตรงไปที่นั้น และเราก็ไปทานข้าวเที่ยงเป็นข้าวกล่องที่นั่น ท้ายที่สุดเราก็กลับมาที่หาดใหญ่ แล้วก็แวะที่ บิ๊กซีหาดใหญ่เก่า ซึ่งก็แวะอยู่สักแป๊บนึง

ตอนนี้ห้างแบบ Hypermarket น่าจะมีทุกจังหวัดแล้วแหละ แต่ในเวลานั้นห้างเป็นอะไรที่ อยากจะหาต้องมาที่หาดใหญ่เท่านั้น อำเภออื่นๆ จังหวัดอื่นๆ ก็คงไม่มีสิทธิ ผมรู้สึกว่าก็แวะอยู่แป๊บนึง ผมเองได้ขนมไข่มาถุงนึง คิดไปแล้วก็ตลกนะ ตอนนั้นห้างมันคืออะไรที่พิเศษมากเลยนะ แม้แต่ 7-11 ก็ตาม แต่ตอนนี้นี่สิ ผมผ่าน Lotus’s แทบทุกวัน ไปจนเบื่ออยู่แล้ว ก็เป็นการปิดทริปของเด็ก 6-7 ขวบคนนึง กับการทัศนศึกษาครั้งแรกๆ ของชีวิต

สัปดาห์วิทยาศาสตร์ ม.อ. ในปีต่อ ๆ มา

Faculty of Science

นอกจากที่ผมจะได้มางานสัปดาห์วิทยาศาสตร์ ในตอน ป. 1 แล้ว ตอนมัธยม ผมก็ได้มีโอกาสมาที่นี่อีกหลายครั้ง ซึ่งครั้งหลังๆ ความทรงจำผมก็ชัดเจนมากขึ้น เช่นแบบตอน ม.4 - 6 จำไม่ได้ว่าเป็นปีไหน ก็ได้วนๆ กันอยู่ที่ใต้ตึกฟักทอง จำได้ว่าเรามักจะได้สมุดเล่มนึงจากโรงเรียนมา ให้จดรายการต่างๆ ลงไป เราก็จะไปเกาะตามป้ายนี่แหละ

Science Booth

ผมยังจำได้เลยถึงการไปดูโครงงานต่างๆ ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ (แต่ตอนนี้เด็กๆ เก่งกันมากๆ) ได้เข้าไปดูนิทรรศการ ที่พี่ๆ จัดกัน ผมจำได้ว่าผมอ่ะ ได้รู้จักคำว่า โพลิเมอร์ ก็ที่นี่แหละ รวมถึงไปหาของกินรอบๆ ตึกฟัก ที่พี่ๆ เอามาขายกันด้วย หรือแบบของที่ระลึกต่าง ๆ ที่แบบพวกพี่ ๆ เอามาขาย ก็พอจะจำได้อยู่ แล้วก็แบบไปดู Science Show ในอาคารตึกฟักทอง ประมาณนี้

ความทรงจำ

เอาจริงๆ แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้แบบ Perfect แบบงาน Expo แบบมี Organize หรือ แบบมืออาชีพ แบบพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ อพวช.​ แต่มันก็มาจากความตั้งใจของน้องๆ นักศึกษาต่างๆ ที่จะพยายามทำวิทยาศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยให้มันจับต้องได้โดยเด็ก ๆ ได้แบบเปิดโลก เปิดประสบการณ์ ได้แรงบันดาลใจ แล้วก็ได้ออกมาเที่ยวงานที่แบบหลายๆ คนในภาคใต้มารวมกัน เพื่อนกันอยู่คนละโรงเรียนกันก็มาเจอกันวันนี้แหละ

ขอเป็นกำล้งใจให้อาจารย์ น้องๆ และทุก ๆ คน พัฒนางานนี้ต่อไปนะครับ