BNK48 ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่รุ่นหนึ่งได้ออกไปหาความฝัน

December 21, 2022

พูดยังไงดีหละ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงใช่มั้ย ใจหายเหมือนกันนะ ที่ BNK48 รุ่น 1 19 หมดสัญญาแล้วก็ออกไปเส้นทางใหม่

เข้ามาได้ไงเนี่ย

ตั้งแต่จำได้ จริงๆ ตอนปกก็ไม่ได้ตามอะไร ช่วงปีหนึ่ง เห็นเพื่อนแชร์รูปของน้ำใส BNK48 มาในแบบสาวแว่น ก็เอ้ย น่ารักดี เข้าไปดู แล้วก็ไป Follow จากนั้นเหรอ BNK เหรอ ด้วยเคยได้ยินคนชื่อเฌอปรางอ่ะ ลองไปกดหาดู จากนั้นก็ไปดู เขามีเพลงอะไรเหรอ ตอนนั้นคือ Aitakatta ซึ่งมันแปลก ๆ ไม่ค่อยถูกโฉลกเท่าไหร่ แต่มีครั้งหนึ่งได้ไปฟังเพลง 365 วันกับเครื่องบินกระดาษ เอ้ย มันเพราะ บวกกับได้ดูรายการ BNK48 Senpai ตอนนึง คือตอนนั้นมีของพี่เฌอ, เมษา ไข่มุก แล้วก็… จำไม่ได้ ก็เลยฟอลโลว์ 4 คนนี้ จากนั้นเขาพูดว่าอะไรนะ เซ็นเตอร์ ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่ใครนะ มิวสิค เจนนิษฐ์ ไม่รู้แต่ฟอลก่อน 555 ไปมาๆ ตามจากที่แทกๆ กันไป จนวันนี้คิดว่าโฟลโลวอยู่ทุกคนแล้วแหละ 55555

ผมว่าผมมาเริ่มตาม BNK จริงๆ ตอนที่ผมนั่งอยู่บนโซฟา ที่กำลังนั่งเขียนบทความนี้อยู่แหละ ด้วยความว่าตอนนั้นเป็นเวลาประมาณเดือนตุลาคม 2560 ตอนนั้นผมเริ่มอยู่คนเดียววันแรกๆ ที่พ่อแม่ย้ายไปทำงายที่ต่างจังหวัด ด้วยความที่เหงา แฟนก็ไม่มี ก็เลยหาอะไรดู ด้วยความว่าตอนนั้นเน็ตไอดอลเยอะมาก มีทั้งดีๆ และไม่ดี ผมเลยคิดว่า มาดูไอดอลที่แบบ ถูกสร้างขึ้นมาดีกว่า ผมเริ่มดู Live แรกของ BNK48 ประมาณวันจันทร์ที่ 1,3 … ตุลาคม นี่แหละ ซึ่งเป็นไลฟ์ของ เมษา แล้วเมษาก็เป็นโอชิ และคามิโอชิคนแรกของผม ถึงจะจบการศึกษาไปก่อนแล้วก็ตาม

โมบายล์ คามิโอชิคนปัจจุบัน

ส่วนโมบายล์ มันเกิดขึ้นมาจากผมได้ดูบันทึกไลฟ์ของ BNK48 Mini live and Handshake วันที่ 23 ก.ย. 60 คือมันมีการประกาศเซมบัตสึเพลง ซึ่งประกาศแบบเซอร์ไพรซ์ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แล้วมีการประกาศสมาชิกเพลงใหม่ คุกกี้เสี่ยงทาย กับ ประกาศเซนเตอร์ ซึ่งก็คือน้องโมบายล์ (จริงๆ น้องบอกให้เขียน โมบาย แต่ผมกลับชอบเขียบแบบนั้นอ่ะ 5555) แต่แบบส่วนตัว ผมไม่ชอบเลยอะไรแบบนี้ ไม่ชอบการแข่งขัน ไม่ชอบอะไรที่แบบ มันดูพีค หรือแบบบีบหัวใจไป แต่ว่าประมาณเดือนสองเดือนผมดันชอบน้องโมบายล์ 555 ด้วยความที่น้องเป็นคนที่ซื่ออ่ะ ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ไม่มีอะไรปิดบัง เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ ซึ่งมันตรงข้ามกับผมทุกอย่าง โดยเฉพาะผมในตอนนั้น แต่นอกจากโมบายล์จะเป็นโอชิและคามิโอชิคนที่ 2 และคนปัจจุบันแล้ว โมบายล์สอนอะไรผมหลายอย่างมาก

จากคนที่ไม่ชอบการแข่งขัน เป็นคนที่มองการแข่งขันเป็นเรื่องธรรมดา

จากที่ผมเป็นคนไม่ชอบการแข่งขัน ไม่ชอบเลยกับการเอาลนะ หรืออะไรต่างๆ ผมก็ยังไม่ชอบมันเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่ผมก็ยอมรับ และ เข้าใจมันมากขึ้น คือเราก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งของมันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วเราก็ไปมองถึงความพบาบามที่น้องพยายามถีบตัวเองขึ้นมาจาก Undergirl ท้ายๆ มาเป็นเซ็นเตอร์เพลงหลักได้ แล้วก็ผมมองการแข่งขันในมุมที่ดีขึ้น แล้วก็แบบไปดูสิ่งที่ข้างๆ การแข่งขันแทน ผมเลยชอบมากๆ เวลาเห็นโมบายล์ กับ มิวสิค แสดงด้วยกัน อยู่ด้วยกัน หรือแบบ สิตา หรือ คนิ้ง อยู่ด้วยกัน คือเราก็รู้ว่าเขาก็เป็นคู่แข่งกันชัดเจน แต่ก็เป็นเพื่อนกัน แล้วก็ยินดีซึ่งกันและกัน ซึ่งผมมองมันในมุมนี้แทน ซึ่งสุดท้ายก็คือกินกันไม่ลงอ่ะ 2 คนนี้ ไม่เป็นไร เพราะผมนี่ก็ตัวเชียร์โมมิวเลย 55555

ช่วงปี 2 ปี 3 หลายครั้งที่ผมเอารูปของโมบายล์ตั้งหน้าคอมอยู่ แล้วก็มองไปเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจ และที่สำคัญที่ ผมมาตามแบบนี้ ผมเรียนดรอปลงไม่ได้นะ ผมโดนว่าตายแน่ๆ 5555 และผมก็เชื่อว่า BNK48 เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้ผลการเรียนผมดีขึ้นในเทอม 1 ของปี 2 เพราะผมดรอป ไป 2 วิชา 5555 (อ่าว เกือบสวย) แต่ปี 2 เทอม 2 ผมไม่ติด E โดยที่ไม่ดรอปนะ ผมเชื่อว่า BNK48 มีส่วนในการจบ ป.ตรีของผม ไม่มากก็น้อยแหละ BNK ส่งแรงบันดาลใจหลายๆ ด้านนะ แม้แต่ใน MV Shonichi / วันแรก ดูแล้วยังแบบฮึกเหิมเลย ถ้าสมมติว่า BNK ผมอาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ได้ เอาจริงๆ 5555 มันเป็นเรื่องของช่วงเวลาและโอกาส

Colorful

นอกจากนี้ BNK ยังให้แนวคิดใหม่ ๆ กับผม อย่างเมษา ที่โดนพักงานไปเป็นคนแรกของวง ตอนแรกก็เคยคิดว่าจะเลิกโอชิดีมั้ย สุดท้ายคือพอมันโอชิไปแล้ว มันถอนไม่ออกอ่ะ และเมษาก็ทำให้ผมคิดและตรัสรู้ข้อนึงว่า ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีด้านเดียวอ่ะ คนเรามันสามารถมีหลายรูปแบบหรือหลายด้านได้ ซึ่งมันไม่ใช่แบบเรื่องที่แบบว่าเอ้ยด้านนี้คือด้านจริง ด้านนี้แอ๊บ หรือ ไม่จริง มันไม่ใช่ จริงๆ แล้วชีวิตคนเรามัน Colorful มันมีได้หลายทางมากๆ คือเราอาจจะชอบเขาที่เขาเป็นตรงนี้ แบบ Mode นี้ แต่ในโหมดอื่น เราไม่ได้จำเป็นต้องชอบเขา แต่ว่าเราก็ควร Respect ในแบบที่เขาเป็น ถ้ามันไม่ได้ผิดอะไร เพราะเราไม่ได้จำเป็นต้องชอบเขาทุกด้านหนิ

เหมือนและแตกต่าง

นอกจากนั้น BNK ก็มีทั้งคนที่เหมือนและแตกต่าง ที่เหมือนๆก็เช่น อุ้ม นี่คือแบบเหมือนในหลายๆ ด้านมาก กับ ไข่มุก ยิ่งไข่มุกที่เกิดปีไล่ๆ กันเนี่ย รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนอ่ะ บางทีก็แอบไปฝันนะ ว่าเราเป็นเพื่อนที่รู้จักกัน 5555 หรือแบบต่างเช่น มิวสิค หรือ คนอื่นๆ ซึ่งมันก็ทำให้เราเข้าใจความคิดใน Mindset แบบอื่นๆ มากขึ้น จากที่เราจะตัดสิน ว่า Mindset แบบนี้ไม่ดี ต้องแบบเราสิดี กลายเป็นว่า มันก็เป็น Mindset ที่ดีในแบบของเขา เราก็เป็น Mindset ที่ดีและไม่ดีในแบบของเรา ซึ่งเราเองก็มีที่ไม่ดีเช่น เราไม่ค่อยจะมี open หรือ growth mindset เท่าไหร่

จริงๆ ผมเองเคยร่วมงานกับทาง Mobile BNK48 Thailand Fanclub หรือบ้านชาวเหรียญหยอดตู้ บ้านแรกของโมบายล์เลยด้วยแหละ ประมาณปลายๆ ปี 2561 และก็เคยเจอตัว BNK จริงๆ 2 ครั้งคือที่ไดอาน่า หาดใหญ่ 1 ครั้งแล้วก็ที่เซ็นทรัล หาดใหญ่อีก 1 ครั้ง ที่เซ็นทรัลนี่คือไฮทัชด้วบนะ

Thank you ขอบคุณที่เราได้พบเจอกัน

ก็ตลอด 5 ปีที่ตามมา หรือ 6 ปีของ BNK ทั้งหมด ได้เห็นการเติบโตของเมมเบอร์ ได้เห็นการผ่าน Coming of Age ของแต่ละคน ได้เห็นการเติบโตของสังคม รวมถึงการเติบโตของตัวเองด้วย เหมือนกับแบบจะบอกว่าเติบโตไปด้วยกันก็ไม่เชิง แต่ว่าแบบมีการเติบโตที่คู่ขนานกันไป ตั้งแต่มีเพลงแค่ 5 เพลง ฟังวันซ้ำกันไปสิ จนตอนนี้มีเป็น 100 กว่าเพลง บางเพลงผมยังเคยฟังสักครั้งด้วยซ้ำ 555

อยู่มาตั้งแต่ซัทจังอายุ 13 เป็นน้องเล็ก จนตอนนี้น้อง 19 แล้ว นานเหมือนกันนะ ก็วันนี้ 19 คนจาก 22 ของรุ่น 1 กำลังจะแยกย้ายออกไปแล้ว ซึ่งรวมโมบายล์ คามิโอชิของผมด้วย

ขอให้เมมเบอร์ทุกคนมีเส้นทางที่สดใสในเส้นที่ตัวเองเลือกนะครับ ผมเองก็ยังตามต่อแหละ ถึงแม้จะไม่มีได้หวีดโมบายล์ มิวสิค ไข่มุก แล้วก็ตาม ผมจะตั้งน้องโยเกิร์ตเป็นคามิโอชิคนถัดไป รวมถึงก็จะตอดตามผลงานของทั้งโมบายล์เอง และเมมเบอร์ที่จบการศึกษาไปแล้วนะครับ

Thank you ขอบคุณที่เราได้พบเจอกัน


ขอขอบคุณรูปภาพจาก Facebook BNK48 นะครับ

Tin Theethawat />

Reseacher & Software Developer โปรแกรมบ้า ๆ คนนึง
ที่สนใจทั้งเรื่องคอมพิวเตอร์ ความคิด Culture และ เรื่องราวรอบตัวต่าง

Visit My Website at theethawat.dev